วันศุกร์ ปางรำพึง
วันศุกร์ ปางรำพึง
ลักษณะพระพุทธรูป
พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน
พระหัตถ์ทั้งสองประสานยกขึ้นประทับที่พระอุระ
พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาททั้งสองประทับยืนชิดติดกัน
ประวัติและความสำคัญ
เมื่อตปุส สะ และภัล ลิกะ ๒ พาณิชกราบทูลลาไปแล้ว
พระพุทธองค์เสด็จกลับจากร่มไม้ราชายตนะ ไปประทับเสวยวิมุตติสุข ณ
ร่มไม้ อชล ปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง และทรงรำพึงถึงธรรม
ที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนั้นว่า เป็นธรรมประณีตละเอียดสุขุม คัมภีร
ภาพ ยากที่บุคคลจะรู้ได้ ทำให้ท้อแท้ พระทัย
ถึงกับทรงดำริจะไม่แสดงธรรมแก่มหาชน ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหม
ทราบวาระจิตของพระพุทธองค์ จึงร้องประกาศชวน เทพย ดาทั้งหลาย
พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ยังที่ประทับ ฯ ควงไม้อชปาลนิโครธ
ถวายอภิวาทแล้วกราบ ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ ขอให้ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชน
เพื่อบุคคลผู้มีธุลีในนัยน์ตาน้อย ทั้งมีอุป นิสสัย อันจะเป็นพุทธสาวก
จะได้ตรัสรู้ธรรมบ้าง พระพุทธองค์ทรงรำพึงถึงธรรมเนียม
ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อนว่า
ได้ตรัสรู้แล้วย่อมทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั้งหลาย
ประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาล
เพื่อประโยชน์สุขแก่ปัจฉิมชนผู้เกิดมาภายหลัง แล้วจึงเสด็จปรินิพพาน
จึงได้น้อม พระทัย ไปในอันแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ในโลก แล้วพระพุทธองค์
ทรงพิจารณาอีกว่า จะมีผู้รู้ถึงธรรมนั้นบ้างหรือไม่
ก็ทรงทราบถึงอุปนิสัยของบุคคลทั้งหลาย ในโลกนี้ย่อมมีต่าง ๆ กัน คือ
ทั้งประณีต ปานกลางและหยาบ ที่มีนิสัยดีมีกิเลสน้อยเบาบาง
มีบารมีที่ดีสั่งสมอบรมมาแล้ว
ซึ่งพอจะตรัสรู้ธรรมตามพระองค์ได้ก็มีอยู่ ผู้มีอินทรีย์ ศรัทธา วิริยะ
สติ สมาธิปัญญากล้าก็มี ผู้มีอินทรีย์อ่อนก็มี
เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่ายก็มี
เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยยากก็มี เป็นผู้สามารถจะรู้ได้ก็มี
เป็นผู้ไม่สามารถจะรู้ได้ก็มี
บุคคลจึงเปรียบเหมือนดอกบัวที่เกิดในน้ำเจริญในน้ำ
น้ำเลี้ยงอุปถัมภ์ไว้ บางเหล่ายังจมอยู่ในน้ำ บางเหล่าอยู่เสมอน้ำ
บางเหล่าขึ้นพ้นน้ำแล้วในดอกบัว ๓ เหล่านั้น
ดอกบัวที่ขึ้นพ้นน้ำแล้วนั้นคอยสัมผัสรัศมีพระอาทิตย์อยู่จักบาน ณ
เช้าวันนี้ ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ จักบาน ณ วันพรุ่งนี้
ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นจากน้ำ ยังอยู่ภายในน้ำ จักบานในวันต่อ ๆ ไป
ดอกบัวที่จะบานมีต่างชนิดฉันใด เว นัยสัตว์ที่จะตรัสรู้ธรรมก็มีต่างกัน
ฉันนั้นเหมือนกัน คือ ผู้มีกิเลสน้อยเบาบาง มีอินทรีย์แก่กล้า
เป็นผู้ที่พึงสอนให้รู้ได้โดยง่าย
และอาจจะรู้ธรรมพิเศษนั้นได้โดยฉับพลัน
ผู้มีคุณสมบัติเช่นนั้นเป็นประมาณปานกลาง
เมื่อได้รับอบรมในปฏิปทาอันเป็นบุพ พาค จนมีอุป นิสสัย แก่กล้าดังกล่าว
แต่ยังอ่อน
ก็ยังควรได้รับการแนะนำในธรรมเบื้องต่ำต่อไปก่อนเพื่อบำรุงอุปนิสัย
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระธรรมเทศนาของพระองค์คงไม่ไร้ผล
จักยังประโยชน์ให้สำเร็จแก่คน ทุกหมู่เหล่า เว้นแต่จำ พวกปทปร มะ
ซึ่งมิใช่เวไนย คือ ไม่รับการแนะนำ ซึ่งเปรียบด้วยดอกบัวอ่อน
อันจะเป็นภักษาหารของปลาและเต่าต่อไป
ครั้นพระพุทธองค์ทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณ
หยั่งทราบเวไนยสัตว์ผู้จะรับประโยชน์จากพระธรรมเทศนาแล้ว
ก็ทรงอธิษฐานพระหฤทัยในอันจะแสดงธรรมสั่งสอนไว ไนย สัตว์
และตั้งพุทธปณิธานจะใคร่ดำรงพระชนม์อยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนา
ให้แพร่หลายประดิษฐานให้มั่นคงสำเร็จประโยชน์แก่ชนนิกรทุกหมู่เหล่าต่อไป
พระพุทธจริยาที่ทรงรำพึงถึงธรรมที่จะแสดงโปรดชนนิกรผู้เป็นเวไนยบุคคลนั้นแล
เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า ปางรำพึง
คาถาสวดบูชา
อัปปะ สันเนหิ นาถัส สะ สา สะเน สาธุ สัม มะเต อะ มะ นุสเนหิ จัณเฑหิ
สะทา กิพพิ
สะการิภิ ปะริ สานัญ จะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ
คุตติยา ยันเท เสหิ มะหาวีโร ปะ ริตตันตัมภะณา มะ เห ฯ
|